ร้อยตำรวจโท วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ อดีตกองหน้าทีมชาติไทยระหว่างปี พ.ศ. 2528-พ.ศ. 2538 เจ้าของฉายา "สิงโตเผือกปากน้ำโพ"
วิฑูรย์เกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ที่จังหวัดนครสวรรค์ เริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรกเมื่ออายุได้ 18 ปี โดย นายวิทยา วาจาบัณฑิตย์ ได้ชักนำและช่วยฝึกสอน แต่ตำแหน่งแรกที่เล่น คือผู้รักษาประตู ภายหลังเปลี่ยนมาเป็นกองหน้า
วิฑูรย์เริ่มมีชื่อเสียงมาจากการที่ลงเล่นให้กับทีมนครสวรรค์ในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2524 ซึ่งนครสวรรค์ได้ครองเหรียญทองไป
ต่อมาในรายการฟุตบอลไทยแลนด์ คัพ ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2527 วิฑูรย์ได้ลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าแทนผู้เล่นคนเก่าที่บาดเจ็บไป และสามารถยิงได้ถึง 5 ลูก ก่อนมีส่วนนำทีมนครสวรรค์ชนะเลิศได้สำเร็จ พร้อมทั้งรับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยม และผู้ทำประตูสูงสุด รวม 9 ประตู จนได้รับฉายาว่า "สิงโตเผือกปากน้ำโพ" ในการแข่งขันครั้งนี้เอง
ในปี พ.ศ. 2527 จึงถูกเรียกตัวติดทีมชาติครั้งแรก ซึ่งเป็นทีมชาติชุดปรี-เวิลด์คัพ ที่ ประเทศเกาหลีใต้ ภายใต้การควบคุมทีมของ นายประวิทย์ ไชยสาม ซึ่งทีมชาติไทยตกรอบแรก ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2528 ทีมชาติไทย ชนะ ทีมบังคลาเทศ 3-0 ซึ่งวิฑูรย์สามารถทำประตูแรกได้สำเร็จ และนับแต่แต่นั้นมา การประกาศรายชื่อนักฟุตบอลทีมชาติ ก็จะต้องมีชื่อ วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ ร่วมทีมเสมอ
สำหรับในระดับสโมสร วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ สังกัดสโมสรถาวรฟาร์มลงแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก จนต่อมาสโมสรราชประชาขอยืมตัวมาเล่นฟุตบอล เอฟ เอ คัพ ซึ่งสามารถคว้าแชมป์ได้ด้วย ก่อนจะย้ายไปสังกัดสโมสรตำรวจ จากการชักชวนของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในขณะนั้น และเป็นทีมสุดท้ายของวิฑูรย์ในประเทศไทย
ต่อจากนั้นในปี พ.ศ. 2529 วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ เดินทางไปค้าแข้งในประเทศมาเลเซีย ร่วมกับ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน และอรรถพล บุษปาคม ในสังกัดสโมสรปะหังและสโมสรปีนัง ตามลำดับ
ในการเล่นระดับทีมชาติ วิฑูรย์ติดทีมชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528-พ.ศ. 2538 เป็นเวลาทั้งหมด 10 ปี รายการสุดท้าย คือการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีสถิติการติดทีมชาติไม่ต่ำกว่า 150 นัด และยิงประตูระดับชาติ รวมทั้งสิ้น 32 ประตู ประสบความสำเร็จ 2 ทัวร์นาเม้นต์ คือ ชนะเลิศคิงส์คัพ 1 สมัย (พ.ศ. 2532) และซีเกมส์ 2 สมัย (พ.ศ. 2536, 2538) โดยทำสถิติเป็นผู้เล่นทีมชาติไทยที่ยิงประตูได้สูงสุดจนถึงปัจจุบันนี้เป็นลำดับที่ 5
หลังเลิกเล่น วิฑูรย์ผันตัวเองมาเป็นผู้ฝึกสอนให้กับหลายสโมสร ทั้งทีมชาติไทยชุดเอเชียนคัพ พ.ศ. 2540 รวมถึงรับราชการตำรวจ ในตำแหน่งรองสารวัตร อำนวยการ ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง